(เพ้อเจ้อยาวๆก่อนสิ้นปี) เตรียมตัวซื้อของกลับบ้านนอกให้ครอบครัว(เหมาะสำหรับคนที่ขับรถกลับบ้าน)

ก่อนอื่นก็ต้องขอเกริ่นก่อนว่า เรื่องนี้อยากจะเขียนขึ้นมานานหลายปีล่ะ แต่ก็ไม่สบโอกาสซักที ติดนั่นนี่ตลอด และพอดีว่าจะเขียนก่อนหน้านี้(ไม่กี่วันก่อน กะไว้ว่าให้ได้ก่อนวันที่ 20 ก็ไม่ทันซะงั้น)ก็ติดที่ไม่ว่างแต่ก็ตัดสินใจเขียนเผื่อเป็นประโยชน์กับใครบ้างก็ยังดีครับ ฉนั้นบทความนี้ก็ไม่ได้สมบูรณ์เต็มที่เนื่องจากเขียนขึ้นมาในวันเดียวโพสเลยครับ
                       จะขอเล่าเรื่อง+เสนอแนะ ในการเตรียมตัวกลับบ้านในช่วงเทศกาลหยุดยาวกันเลยดีกว่า ซึ่งเนื่องมาจากว่าผมเป็นคนต่างจังหวัดซึ่งก็คือๆว่าบ้านนอกหน่ะแหละ แต่ก็ไม่ถึงกับขนาดที่ว่าห่างไกลในเมือง เห็นปัญหาซ้ำๆในทุกๆปีในการจับจ่ายใช้สอยในบ้านนอกและชนบท เพราะมักแย่งกันซื้อ แล้วก็บ่นๆๆ ต่างๆ นานา ว่ากันไปครับ  โดยเหมาะกับผู้ที่มีรถและขับรถกลับบ้านครับ ซื้อของกลับบ้านบ้างนิดหน่อยจะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้อย่างคาดไม่ถึงเชียวล่ะครับ
                       ซึ่งเนื้อหาอาจจะออกไปในทางลบของสังคมพอควรครับ ใครไม่ชอบอย่าด่าผมมากครับ ผมไม่สามารถเอาใจได้ทุกคนครับ อาจมีการพูดถึงผู้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอยู่บ้างต้องขออภัยไว้ด้วยครับ แค่อยากนำเสนอเพื่อเป็นข้อเสนอแนะเพียงเท่านั้นครับ
    โดยการเตรียมตัวเพื่อกลับไปยังต่างจังหวัดของผู้ที่มีรถและจะขับรถกลับไปต่างจังหวัดผมก็มีข้อคิด แนวทางให้อย่างคราวๆเท่านั้นดังนี้ครับ


1.ซื้อเนื้อสัตว์/ปลา/อาหารทะเล แพ็กใส่กล่องโฟมแช่น้ำแข็งติดรถจากในเมืองกรุงกลับบ้านนอก

                       บางคนอาจบอกว่าซื้อทำไม ที่บ้านนอกก็มีขาย  ซึ่งอันที่จริงก็ถูกครับ แต่ก็มีความจริงอีกอย่างคือ มันมีอยู่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนซื้อ เพราะในช่วงเทศกาลเนื่อสัตว์ต่างๆจะขายดีมากถึงมากที่สุด จนไม่มีจะขายในพื้นที่ชนบทครับ และแน่นอนว่าราคาย่อมต้องพุ่งขึ้นตามไปด้วย ต่างจากในเมืองที่สต็อกจะเหลือเฟือมากเนื่องจากคนซื้อกลับไปซื้อหาอยู่ที่ต่างจังหวัดหมด
                      การซื้อหาเนื้อสดในชนบทหรือต่างจังหวัดนั้น ไม่ได้ง่ายเหมือนในเมืองที่จะเข้าตลาดไหนก็มีเขียงหมูเขียงเนื้อ หรือวิ่งเข้าซุปเปอร์ฯ ได้ง่ายๆ เพราะมีตลาดไม่กี่ตลาดในชนบทที่จะมีเขียงหมู บ้างเป็นตลาดเช้า ซึ่งถ้าคุณตื่นตอน6โมงเช้าช่วงเทศกาลอย่างสิ้นปี ปีใหม่แล้วล่ะก็ คุณอาจได้แค่เศษเนื้อ เพราะตลาดเช้าบ้านนอกนั้นเปิดตังแต่ตี3 เขียงหมูเขียงเนื้อถูกซื้อไปทำกับข้าวทำบุญกันซะเกือบหมดแล้วก่อนตี 5  และบางตลาดที่เป็นตลาดบ่าย ราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นไปอีก เนื่องจากมีกำลังซื้อที่พุ่งสูงขึ้นไปอีก และไม่ต้องหวังว่าจะมีหน่วยงานไหนมาช่วยกำกับครับ คนเค้าไม่พอมาตรวจสอบราคาหรอกครับ เพราะไม่กี่ชั่วโมงก็หมด ทีนี้มันก็ต้องเป็นเรื่องลำบากคุณล่ะ ที่ต้องวิ่งไปหาซื้อเนื้อตามร้านขายเนื้อ หรือโรงเชือดกันเอาเอง สรุปคือขับรถไปตั้งแต่บ่าย กลับมาค่ำพอดีเพื่อไปซื้อเนื้อมาทำอาหารกินกันในวันปีใหม่
                     ในส่วนของอาหารทะเล บางคนไม่ไว้ใจร้านค้าที่ขายของทะเลเพราะกลัวมีสารกันเสีย ก็แนะนำให้ซื้อติดรถกลับด้วยก็ได้ เพราะนอกจากจะมั่นใจกว่าแล้ว ราคายังถูกกว่ามากครับถ้าจะซื้อจากในเมืองหรือตลาดมากินกันครับ
                     ส่วนผักนั้นไม่จำเป็นต้องหาซื้อเตรียมไปหรอกครับ มีเยอะเกินกว่าที่จะกินอีกครับ ซึ่งเทคนิคการแพ็กพวกเนื้อสัตว์อาหารทะเลไม่ยากครับ คือซื้อน้ำแข็งบดที่เป็นก้อนเล็กๆลงไปก่อน 1 ชั้น แล้วตามด้วยน้ำแข็งอีกชั้น แล้ววางสลับกันไปให้เต็ม ถ้ากลัวละลายก็ให้ผสมเกลือเม็ดลงไปด้วยทีละกำมือ หรือโรยลงไปทีละชั้นของน้ำแข็ง จะช่วยรักษาความเย็นไว้ได้นานขึ้น จากนั้นก็ปิดด้วเทปกาวกันการรั่วของน้ำที่ละลายก็พอครับ


2.อย่าหวังอะไรมากในห้างซุปเปอร์ฯในต่างจังหวัด

                    ถ้าคุณกะว่าจะไปซื้อเอาที่ห้างที่ต่างจังหวัดล่ะก็ คุณอาจคิดผิดก็ได้  เพราะของจะพากันหมดเพราะขายดีเหมือนแจกฟรี  เพราะคนจะกระหน่ำพาครอบครัวเข้าไปจับจ่ายซื้อของกันจนเกลี้ยงชั้นวาง คุณจะซื้อผงซักฟอก ก็จะไม่มี ซื้อน้ำมันพืชก็ไม่มี(ถึงมีก็จะเป็นแบบว่าเป็นปิ๊ปใหญ่) ของกินเล่น น้ำหวานน้ำอัดลม จะถูกกว้านซื้อไปจัดงานเลี้ยงในครอบครัว ซึ่งประมาณว่ามันมีไม่กี่อย่างให้ซื้อ ของที่คุณซื้ออาจเป็นของที่ไม่จำเป็นแทน เช่นการซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ให้หลาน หรือซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อีกปีถัดไปก็จะพบว่ามันยังอยู่ในกล่องเหมือนเดิมที่บ้าน ซึ่งผมคิดว่าหลายๆคนน่าจะเคยเจอเหตุการณ์ประมาณนี้มาก่อน พาครอบครัวไปห้างแล้วไม่มีของให้ซื้อในช่วงเทศกาล ของที่อยากซื้อไม่มี ของที่ซื้อก็ไม่ได้อยากได้เพราะเกรงใจค่าแอร์ห้าง
    นี่ยังไม่นับถึงการหาที่จอดรถในห้างอีกนะครับ ที่จะพากันเต็มจนล้นออกมา เพราะทุกคนไม่มีที่เที่ยวที่จะพาครอบครัวไปเที่ยวจึงกลายเป็นว่าไปช็อปปิ้งเป็นทางออกที่โอเคสำหรับทุกคนไปโดยปริยาย
                    ร้านค้าปลีกส่วนมากมักอาศัยช่วงเวลานี้ซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่ทำโปรสิ้นปีไปขายต่อ อย่าคิดว่าสินค้าบางอย่างจำกัดจำนวน เพราะเค้าวนซื้อหลายๆรอบได้ ของในห้างช่วงสิ้นปีจึงมักไม่ค่อยเหลือให้ซื้อสักเท่าไหร่นั่นเอง


3.เอาคนแก่ไปทรมารที่ห้างในช่วงเทศกาล

                   เรื่องของเรื่องที่มาโพสในวันนี้ก็เหตุส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องนี้ด้วย ในช่วงเทศกาลหยุดยาวแบบนี้ มักมีคนจำนวนมากไปห้างดังในข้อ 2 และตบท้ายพ่วงด้วยการพาครอบครัวไปกินร้านอาหารสุกี้ปิ้งย่าง อย่างตามห้างดังๆไปเปิดสาขาตามโลตัสบิ๊กซีจะมี เช่น mk ร้านซูชิ ประมาณนี้ ซึ่งจะมีการต่อคิวเพื่อเข้าไปกินกัน
                   ทุกปี !!! ผมจะเห็นลูกหลานพาพ่อแม่และครอบครัว ไปยืนต่อคิวทานอาหารทั้งครอบครัวด้วยจิตอาฆาตคิวก่อนหน้าที่เข้าไปทานก่อนแล้วยังไม่ออกมา เพราะเมื่อย เพราะปวดขา และไม่มีที่นั่งคอย หลังจากไปเดินซื้อของมาแล้ว บางคนอาจไม่ได้ใส่ใจ ท่านๆเหล่านั้นเลย ตั้งหน้าตั้งตาจะกินให้ได้ ทั้งๆที่เค้าดีใจที่ลูกหลานได้พามากินข้าวนอกบ้านอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เท่านั้นเอง!!! ที่เหลือคือความทุกข์กาย  ทานไม่อิ่ม เพราะหลายท่านเห็นราคาในเมนูแล้วไม่กล้าสั่งทานเพราะเกรงใจ  ไหนจะต้องรีบกิน เพราะจิตสังหารที่พุ่งเข้ามาจากประตูทางเข้าจากผู้ที่รอคิวอยู่นั่นเอง สุดท้ายกลับมาบ้านก็หิวแต่ก็ไม่กินอะไรอีกเพราะไม่ได้เตรียมอาหารที่บ้าน หรือมีน้อยนั่นเอง ปล่อยให้คนที่เอาคนแก่ไปทรมารไปหากินอีกมื้อเอง หรือไม่ก็ต้มมาม่ากินกันอีกรอบอยู่ดี
    ทางที่ดี ท่านทำสุกี้ปิ้งย่าง เตรียมเนื้อ เตรียมอาหารทะเลแพ็กใส่กล่องโฟมกลับไปทำทานกับครอบครัวที่บ้านจะดีกว่า เพราะปริมาณและความคุ้มค่ามันมีมากกว่า กินไม่หมดก็เก็บใส่ตู้เย็นแช่ฟรีสไว้ พ่อแม่ครอบครัวได้ทำอย่างอื่นได้ทานอีกในมื้อถัดๆไปได้  ประหยัดกว่า มีความสุขกว่า หรือถ้าท่านใดแย้งว่าไม่ใช่ก็ตามสบายครับ
    

4.เครื่องอุปโภคบริโภคในครัวเรือน

                        ในส่วนเครื่องอุปโภคบริโภคที่สำคัญที่ควรซื้อไปไว้ติดบ้านให้พ่อแม่ และครอบครัวที่อยู่ที่ต่างจังหวัดนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถึงแม้ว่าจะมีขายก็ตาม หากคุณซื้อไปให้ ย่อมประยัดเงินมากกว่าเป็นไหนๆ ซึ่งถ้าคุณซื้อในปริมาณมากๆ ราคาย่อมถัวเฉลี่ยแล้วย่อมถูกลง ยิ่งห้างในเมืองแล้ว มักมีโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม อยู่แล้วตลอดเวลา คุณสามารถใช้ประโยชน์ในการจับจ่ายใช้สอยนั้นประหยัดเงินที่จะเอาไปซื้อที่ต่างจังหวัดได้มากหลายร้อยบาทได้อยู่ครับ
                        ส่วนอะไรที่ควรซื้อไป เช่น ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำมันพืช น้ำยาล้างห้องน้ำ เกลือ น้ำปลา เป็นอะไรที่ใช้บ่อย ใช้แทบทุกวัน  ซึ่งตามปกติวิสัยคนแก่ มักซื้อทีละขวดเล็กๆ ซองเล็กๆ เพราะราคาถูก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะถูกจริงเสมอไป เพราะอาจมีค่าใช้จ่ายแฝง เพราะบางท่านชรามาก เดินไปซื้อของอย่างสองอย่างก็กลัวรถราที่วิ่งในซอย หรือว่าเดินไม่ไหว ก็อาศัยวาน จ้างคนอื่นไปซื้อให้ เด็กบ้าง คนไม่เต็มเต็งบ้าง มนุษย์ญาติบ้าง ซึ่งจะจ่ายด้วยสินจ้างเล็กๆน้อย 5-10 บาท ไปซื้อของมาให้ สรุปคือแพงกว่ากันอีก 5-10บาท ถ้าซื้อขวดใหญ่หรือซื้อเป็นโหลหรือที่ทำโปรซื้อ 2แถม1 จะสามารถแบ่งออกไปให้ที่บ้านใช้ได้นานกว่าครับ
                        อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ปลาแห้ง หมึกแห้ง หรือกระทั่งโจ้กซอง มาม่า ไม่ใช่แค่อาหารของมนุษย์เงินเดือนเท่านั้น การเอาไปเก็บไว้ให้พ่อแม่ครอบครัวที่บ้าน ดีกว่าการเอาเงินให้ท่านไปหาซื้อกินเอง  เพราะโดยมาก ท่านเหล่านั้น เก็บไว้ให้ไม่เอามาใช้ หรือมีแล้วโดนมนุษย์ญาติมาหลอกเอาไป  การมีอาหารเหล่านี้จะดีในช่วงที่ท่านป่วยบ้างเล็กน้อย ไม่ลุกขึ้นมาทำอาหารมื้อใหญ่ๆได้ หรือหาซื้อของมาทำอาหารไม่ได้ ไม่ถูกใจ จะเป็นอาหารมื้อง่ายๆให้ทำรับประทานได้  หรือว่าแม้กระทั่งประสบภัย อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่ายังพอมีอาหารให้ท่านๆได้หาทานได้


5.จากมนุษย์ป้าในเมือง กลายมาเป็น มนุษย์ญาติที่บ้านนอก    

                  เรื่องราวจากข้อข้างบนได้ยินถึงมนุษย์ญาติ บางคนอาจงงว่ามาจากไหน และทำไมต้องกล่าวถึง  มนุษย์ญาติก็คือบรรดาญาติของคุณๆท่านๆ ที่ไม่ว่าจะห่างน้อยเป็นลูกพี่ลูกน้อง จนถึงกระทั่งญาติห่างมากๆที่เป็นญาติของญาติที่แต่งงานกับญาติเราอีกทีนั่นเอง  ซึ่งโดยความแสบแล้วนั้น มนุษย์ญาติที่กลายมาจากมนุษย์ป้าในเมืองจะมาเป็นอันดับต้นๆ  ซึ่งในช่วงก่อนเทศกาลนี้เอง มนุษย์ป้าจากในเมือง จะทยอยกลายร่างเป็นมนุษย์ญาติบ้านนอก โดยการกลับมาบ้านนอก แล้วทำทีหาเหยื่อที่เหมาะสมต่อไป
                      คัดเลือกเป้าหมาย  มนุษย์ญาติจะทำการหาเหยื่อโดยการเข้าไปตีซี้กับชาวบ้าน โดยบ้านที่เลือกเป็นญาตินั้น มักเป็นคนที่เมื่อก่อนขยัน ลูกหลานเรียนสูง พวกลูกหลานเด็กแวนซ์ติดยาต่อให้เป็นลูกของพี่ลูกของน้องก็ไม่รับเป็นญาติและประกาศกร้าวว่าไม่ยอมรับลูกหลานที่ติดยาเป็นเด็กแวนซ์(ยกเว้นเป็นเอเย่นยาที่มีเงินจะรับว่าเป็นญาติผู้ใกล้ชิดเลยล่ะ) โดยหลายครั้งมักเข้าไปหาข่าวจากการซุบซิบนินทาตามกลุ่มขาเมาท์ประจะหมู่บ้านจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับบ้านเป้าหมายมากมาย บางครั้งเข้าไปในกลุ่มชอบนินทาแล้วลืมว่าตัวเองไม่ถูกกันก็มี สุดท้ายก็มีเรื่องกันซะอย่างนั้น ที่แถวบ้านผมนี่แหละไม่กี่วันก่อน ตบกันกลางถนนยังกะเด็กสก็อยแย่งผู้ชายยังงั้นเลย ไม่มีใครลุกมาห้าม
                     เริ่มหาข้อมูลภายใน เมื่อได้ข้อมูเป้าหมายคร่าวๆแล้วก็จะเข้าไปเยี่ยมเยือน  จำกันได้บ้างไม่ได้บ้าง  โดยมากมักทำทีเป็นขี่จักรยานผ่านแล้วบอกว่าแวะเข้าไปทักทาย และเมื่อเข้าไปตีสนิทกับเป้าหมายมักใช้มุขซ้ำๆกันในการหลอกล่อถาม
                     “ลูกฉันทำงานในเมืองใหญ่ ทำงานเป็นหมอ ข้าราชการ บริษัทฯ เงินเดือนสูง มีรถขับ จะมาตอนสิ้นปี/ปีใหม่นี้แหละ” เป็นการหลอกล่อเพื่อให้เหยื่อว่า ลูกบ้านนั้น หลานบ้านนี้จะกลับมาเที่ยวบ้านช่วงเทศกาลหรือไม่  มีรถมาหรือเปล่า แถมยังประเมินโอกาสในการหาผลประโยชน์ได้ในตัว
                     “สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง เป็นคนอ้วนนะเนี้ย” แล้วเสนอยารักษาสุขภาพต่างๆนาๆ บ้างเอายาต่างๆนาๆมาเสนอขาย บ้างเอายาเก่าที่ตัวเองกินไม่หมด มาให้กิน!!!!!  อ้างบอกตัวเองกินแล้วดี กินแล้วหายจากโรคนั่นโรคนี่ เพราะหวังทางด้านจิตวิทยาให้เป้าหมายเกรงใจ
    บางคนก็ขายตรง บางคนประกัน  บางคนก็ลูกโช่ ยาสารพัด เพราะเค้ารู้อยู่แล้วว่าเป้าหมายกำลังจะมีทรัพย์จากการที่ลูกหลานเอาเงินไว้ให้ก่อนกลับเข้าเมืองไปทำงาน  ซึ่งการเสนอของพวกนี้มักมาหลังจากบรรดาลูกหลานกลับไปทำงานแล้วไม่กี่วัน และได้ปูทางไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้วด้วยตวามเกรงใจ  และไม่มีคนคอยขวางนั่นเองครับ
                       หลังจากนั้นไม่เกิน4วันหลังจากบรรดาลูกหลานเหยื่อคนสุดท้ายกลับไปหมดแล้ว ก็จะกลับกลายไปเป็นมนุษย์ป้าที่เมืองใหญ่ต่อไป  โดยมากมักมีลูกหลานของมนุษย์ป้านั้นๆกลับมารับกลับทันที  โดยสังเกตุง่ายๆเลยคือ จะมาไล่เก็บผักหญ้าที่ชาวบ้านเค้าปลูกไว้ในบ้านเก็บไว้ไปด้วย  และบ้างจะทิ้งท้ายความแสบอีกนิดหน่อยคือขอเครื่องปรุงบางอย่างที่เห็นว่าเรามีตามไปด้วย(น้ำปลา ซอส เกลือ น้ำมันพืชก็ยังจะขอแบ่งไป เอากับมันสิ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่